การวางหลักประกัน

ตารางการวางหลักประกัน เรียกหลักประกันเพิ่ม และบังคับซื้อคืน
การยืมหลักทรัพย์ผ่านบัญชี Cash และ Cash Balance การยืมหลักทรัพย์ผ่านบัญชี Credit Balance
อัตราหลักประกันเริ่มต้น (IM) 150% อัตราหลักประกันเริ่มต้น (IM) 50%
อัตราหลักประกันรักษาสภาพ (MM) 140% อัตราหลักประกันรักษาสภาพ (MM) 40%
อัตราหลักประกันบังคับปิดสถานะ (FM) 120% อัตราหลักประกันบังคับปิดสถานะ (FM) 30%
การเรียกหลักประกันเพิ่ม (Call Margin)
บริษัทจะคำนวณมูลค่าหลักประกันของผู้ยืมเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ที่ยืม
ตามราคาปิด ณ สิ้นวันทำการ (Mark to Market)
กรณีมูลค่าหลักประกันของผู้ยืมลดต่ำกว่า MM
การยืมหลักทรัพย์ผ่านบัญชี Cash และ Cash Balance การยืมหลักทรัพย์ผ่านบัญชี Credit Balance
ผู้ยืมมีภาระหน้าที่ต้องวางหลักประกันเพิ่ม จนอัตราหลักประกัน เท่ากับหรือสูงกว่าระดับ MM ผู้ยืมมีภาระหน้าที่ต้องวางหลักประกันเพิ่ม จนอัตราหลักประกัน เท่ากับหรือสูงกว่าระดับ MM
ผู้ยืมต้องวางหลักประกันเพิ่ม ก่อนเวลา 15.30 น. ของวันทำการถัดจากวันที่อัตราหลักประกันลดลงต่ำกว่า MM (T+1) และบริษัทจะไม่ให้ผู้ยืมทำการยืมหลักทรัพย์เพิ่ม จนกว่าผู้ยืมจะดำเนินการวางหลักประกันเพิ่มแล้วเสร็จ ผู้ยืมต้องวางหลักประกันเพิ่มภายในวันทำการที่ 5 นับจากวันที่อัตราหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับ MM และบริษัทจะไม่ให้ผู้ยืมทำการยืมหลักทรัพย์เพิ่ม จนกว่าอัตราหลักประกันจะเท่ากับหรือสูงกว่าระดับ MM
กรณีผู้ยืมไม่ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์บังคับซื้อคืนหลักทรัพย์ที่ยืม (Force Buy In) ภายใน T+2 กรณีผู้ยืมไม่ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์บังคับซื้อคืนหรือบังคับขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในบัญชี (Force Sell or Buy In) ภายใน T+6
การบังคับซื้อคืน (Force Close Margin)
กรณีมูลค่าหลักประกันของผู้ยืมลดลงเท่ากับหรือต่ำกว่า FM
การยืมหลักทรัพย์ผ่านบัญชี Cash และ Cash Balance การยืมหลักทรัพย์ผ่านบัญชี Credit Balance
ผู้ยืมมีภาระหน้าที่ต้องวางหลักประกันเพิ่ม จนอัตราหลักประกัน สูงกว่าระดับ FM ก่อนเวลา 9.45 น. ของวันทำการถัดไป (T+1) ผู้ยืมมีภาระหน้าที่ต้องวางหลักประกันเพิ่ม จนอัตราหลักประกัน สูงกว่าระดับ FM ก่อนเวลา 9.45 น. ของวันทำการถัดไป (T+1)
หากผู้ยืมไม่วางหลักประกันเพิ่มภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทขอสงวนสิทธิ์บังคับซื้อคืนหลักทรัพย์ที่ยืม ภายใน T+1 หากผู้ยืมไม่วางหลักประกันเพิ่มภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทขอสงวนสิทธิ์บังคับซื้อคืนหรือบังคับขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในบัญชี (Force Sell or Buy In) ภายใน T+1

ทั้งนี้ การบังคับขาย / ซื้อคืนใดๆ ลูกค้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งสิ้นและหากเกิด กรณีบังคับขายจากรายการยืมหลักทรัพย์ แล้วหลักประกันยังไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ผู้ยืมจะต้องทำการชำระมูลหนี้ ดังกล่าวให้ครบถ้วนภายใน T+2 สำหรับบัญชี Cash และ Cash Balance หรือ T สำหรับบัญชี Credit Balance

สำหรับบัญชี Cash และ Cash Balance

ผู้ยืมสามารถวางหลักประกันเริ่มต้นในอัตราร้อยละ 50 ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ยืม โดยผู้ยืมต้องขายชอร์ตหลักทรัพย์ที่ยืม ทั้งจำนวนภายในวันที่ทำธุรกรรมการยืม และบริษัทจะเก็บเงินค่าขายเพื่อวางเป็นหลักประกันสำหรับการยืม มิฉะนั้น ผู้ยืมจะต้องวางหลักประกันให้ครบร้อยละ 150 ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ยืม ภายในวันที่ทำธุรกรรม

สำหรับบัญชี Credit Balance

ผู้ยืมสามารถใช้หุ้นในพอร์ตเพื่อมาวางเป็นหลักประกันสำหรับบัญชี Credit Balance ได้ โดยการคำนวณหลักประกันจะเป็นไปตามประกาศของบริษัท